“วิธีจัดเก็บสารเคมี อย่างถูกต้อง ตามคุณสมบัติเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่เพียงช่วยรักษาคุณภาพของสาร แต่ยังเป็นการป้องกันอุบัติเหตุและลดความเสี่ยงในสถานที่ทำงานอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นสารไวไฟ สารกัดกร่อน หรือสารออกซิไดซ์ แต่ละประเภทมีคุณสมบัติเฉพาะที่ต้องคำนึงถึงในการจัดเก็บ เราจะแนะนำ วิธีจัดเก็บสารเคมี ให้ปลอดภัยและตรงตามมาตรฐาน เพื่อป้องกันความเสี่ยงทั้งต่อผู้ปฏิบัติงานและสิ่งแวดล้อม และช่วยให้การจัดการสารเคมีมีประสิทธิภาพมากที่สุด

หลักการทั่วไปในการเก็บสารเคมี

ภาพที่ 1 : หลักการจัดเก็บสารเคมี

  • สถานที่ที่ใช้เก็บสารเคมี ควรเป็นที่ที่ปิดมิดชิดพร้อมป้ายบ่งบอกชัดเจนว่า “สถานที่เก็บสารเคมี” ผนังกำแพงต้องเป็นแบบทนไฟ ภายในพื้นที่เก็บควรเป็นพื้นที่เย็นและแห้ง อากาศถ่ายเทได้ดี แต่แดดส่องไม่ถึง
  • ชั้นวางสารเคมีต้องมีความแข็งแรง มั่นคง ไม่สั่นสะเทือน
  • ภาชนะที่บรรจุสารเคมีควรมีความทนต่อแรงดัน การกัดกร่อน และแรงกระแทกจากภายนอก ควรมีภาชนะสำรองไว้เสมอ และต้องมีป้ายปิดที่ทนทานระบุชื่อสารเคมี อันตรายและข้อควรระวังไว้ชัดเจนที่ข้างภาชนะ
  • สำหรับตำแหน่งที่ใช้ในการจัดเก็บสารเคมี ไม่ควรวางขวดบนพื้นโดยตรง หรือวางในที่แคบ ใกล้ประตูและหน้าต่าง ส่วนการเก็บสารเคมีที่มีขนาดใหญ่และหนัก ไม่ควรเก็บไว้ในที่สูง
  • ต้องมีระบบการจัดเก็บสารที่มีระเบียบ บริเวณที่เก็บต้องสะอาดอยู่เสมอ และเรียงสารตามการหมดอายุก่อน-หลัง สารเคมีตัวใดหมดอายุให้รีบทำลายทิ้งทันที
  • ต้องมีอุปกรณ์ดังเพลิง อุปกรณ์ป้องกันภัย และชุดปฐมพยาบาลพร้อมในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน

สารเคมีแต่ละประเภท

การแยกประเภทของสารเคมีเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากสารแต่ละชนิดมีคุณสมบัติและปฏิกิริยาที่แตกต่างกัน การจัดเก็บสารเคมีอย่างไม่ถูกวิธีอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ เราสามารถแยกสารเคมีออกเป็นประเภทต่างๆ ได้ดังนี้

สารไวไฟ
(Flammable Substances)

ภาพที่ 2 : สารไวไฟ

สารไวไฟ คือสารที่สามารถจุดไฟได้ง่ายเมื่ออยู่ในสภาพที่เหมาะสม เช่น มีอุณหภูมิสูงหรือมีประกายไฟ สารประเภทนี้จะติดไฟอย่างรวดเร็วและเป็นอันตรายหากมีการจัดเก็บไม่ถูกต้อง ตัวอย่างของสารไวไฟ

  • แอลกอฮอล์ (Alcohol)
  • อะซีโตน (Acetone)
  • น้ำมันเบนซิน (Gasoline)

วิธีเก็บ เก็บในพื้นที่ที่เย็น อากาศถ่ายเทสะดวก ห่างจากแหล่งความร้อนหรือประกายไฟ ใช้ภาชนะที่ปิดสนิทและติดสัญลักษณ์เตือนภัยชัดเจน

สารออกซิไดซ์
(Oxidizing Substances)

ภาพที่ 3 : สารออกซิไดซ์

สารออกซิไดซ์ เป็นสารที่มีคุณสมบัติทำปฏิกิริยากับสารอื่นได้ง่าย มักจะเกิดปฏิกิริยารุนแรงเมื่อสัมผัสกับสารไวไฟ ทำให้เกิดการเผาไหม้หรือระเบิดได้ ตัวอย่างของสารออกซิไดซ์ เช่น

  • เปอร์ออกไซด์ (Peroxides)
  • โพแทสเซียมคลอเรต (Potassium Chlorate)
  • ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide)

วิธีเก็บ เก็บแยกจากสารไวไฟและสารอินทรีย์ ควรจัดเก็บในที่เย็นและมีการระบายอากาศที่ดี หลีกเลี่ยงการเก็บในภาชนะโลหะเพื่อป้องกันปฏิกิริยารุนแรง

สารกัดกร่อน
(Corrosive Substances)

ภาพที่ 4 : สารกัดกร่อน

สารกัดกร่อน คือสารที่สามารถทำลายหรือกัดกร่อนวัสดุอื่นๆ รวมถึงผิวหนังเมื่อสัมผัส ทำให้เกิดการกัดกร่อนที่รุนแรง ตัวอย่างสารกัดกร่อน เช่น

  • กรดซัลฟูริก (Sulfuric Acid)
  • โซเดียมไฮดรอกไซด์ (Sodium Hydroxide)
  • กรดไฮโดรคลอริก (Hydrochloric Acid)

วิธีเก็บ ควรเก็บในภาชนะที่ทนการกัดกร่อน เช่น ภาชนะพลาสติกพิเศษ หลีกเลี่ยงการเก็บใกล้สารไวไฟหรือสารออกซิไดซ์ และควรมีสัญลักษณ์เตือนที่ชัดเจนบนภาชนะ

สารพิษ
(Toxic Substances)

ภาพที่ 5 : สารพิษ

สารพิษ คือสารที่มีผลต่อร่างกายเมื่อสัมผัสหรือสูดดม อาจทำให้เกิดการระคายเคือง หรือผลเสียระยะยาว เช่น มะเร็ง ตัวอย่างของสารพิษ

  • เมทานอล (Methanol)
  • ไซยาไนด์ (Cyanide)
  • คลอโรฟอร์ม (Chloroform)

วิธีเก็บ ควรเก็บในภาชนะที่ปิดสนิทและมีสัญลักษณ์เตือน เก็บห่างจากจุดที่บุคคลทั่วไปเข้าถึงได้ง่ายและเก็บในที่ที่มีการระบายอากาศเพียงพอ

สารระเบิด
(Explosive Substances)

ภาพที่ 6 : สารระเบิด

สารระเบิด เป็นสารที่สามารถเกิดปฏิกิริยารุนแรงเมื่อได้รับความร้อน การสั่นสะเทือน หรือประกายไฟ สารเหล่านี้ต้องการการจัดเก็บที่ปลอดภัยเป็นพิเศษ ตัวอย่างของสารระเบิด เช่น

  • ไนโตรกลีเซอรีน (Nitroglycerin)
  • อะมโมเนียมไนเตรต (Ammonium Nitrate)
  • ไตรไนโตรโทลูอีน (TNT)

วิธีเก็บ ต้องเก็บในพื้นที่ที่เย็นและปราศจากการสั่นสะเทือน เก็บให้ห่างจากแหล่งความร้อน แสงแดด หรือสารเคมีที่ทำให้เกิดปฏิกิริยารุนแรง

สารกัมมันตรังสี
(Radioactive Substances)

ภาพที่ 7 : สารกัมมันตรังสี

สารกัมมันตรังสี มีการปล่อยพลังงานในรูปของรังสีที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย การเก็บสารเหล่านี้จำเป็นต้องใช้การป้องกันพิเศษและการควบคุมอย่างเข้มงวด ตัวอย่างเช่น

  • ยูเรเนียม (Uranium)
  • พลูโตเนียม (Plutonium)
  • โคบอลต์-60 (Cobalt-60)

วิธีเก็บ ต้องเก็บในภาชนะเฉพาะที่ป้องกันรังสีและควบคุมการเข้าถึงอย่างเข้มงวด ควรเก็บในพื้นที่ที่ห่างจากคนและติดป้ายเตือนอันตรายอย่างชัดเจน

ใช้อุปกรณ์และภาชนะที่เหมาะสมในการเก็บสารเคมี

ภาพที่ 8 : ภาชนะที่เหมาะสมในการจัดเก็บสารเคมี

ภาชนะที่ใช้เก็บสารเคมีควรเป็นวัสดุที่ทนทานต่อปฏิกิริยาของสารและไม่ทำปฏิกิริยากับสารนั้นๆ ตัวอย่างเช่น

  • ภาชนะโลหะ เหมาะสำหรับสารไวไฟ แต่ควรหลีกเลี่ยงกับสารกัดกร่อน
  • ภาชนะพลาสติกหรือแก้ว ใช้กับสารบางประเภทที่มีคุณสมบัติเป็นกลาง
  • ภาชนะพิเศษ (เช่น ภาชนะที่ทนการกัดกร่อน) สำหรับสารที่มีคุณสมบัติในการกัดกร่อนสูง เช่น กรดและด่าง

ตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์การเก็บสาร

ควรมีการตรวจสอบอุปกรณ์และภาชนะที่ใช้เก็บสารเคมีอยู่เสมอเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการรั่วไหลหรือเสื่อมสภาพ ซึ่งอาจทำให้สารเกิดการปนเปื้อนหรือเป็นอันตรายได้

การควบคุมอุณหภูมิและแสงสว่าง

อุณหภูมิและแสงสว่างอาจมีผลต่อคุณสมบัติของสารเคมีบางประเภท เช่น

  • สารไวไฟ ควรเก็บในที่เย็นและแสงสว่างน้อย
  • สารที่สลายตัวได้ง่าย เช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ควรเก็บในที่มืดหรือใช้ภาชนะสีทึบเพื่อป้องกันแสง

การระบุป้ายเตือน
และจัดการเอกสารความปลอดภัย
(MSDS)

ทุกภาชนะที่ใช้เก็บสารเคมีควรติดป้ายเตือนที่ระบุชื่อสาร ประเภท และคำเตือนเกี่ยวกับการจัดเก็บและการใช้งาน นอกจากนี้ ควรมีเอกสารข้อมูลความปลอดภัยของสาร (MSDS) ติดไว้ในที่ที่สามารถเข้าถึงได้สะดวกเพื่อใช้ในการอ้างอิงหากเกิดอุบัติเหตุ

การจัดทำแผนรองรับกรณีฉุกเฉิน

การจัดทำแผนฉุกเฉินเป็นสิ่งจำเป็น หากเกิดเหตุสารเคมีรั่วไหลหรือเกิดอุบัติเหตุ ควรมีการฝึกซ้อมการป้องกันและระงับเหตุเพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานมีความพร้อมในการจัดการสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว

การจัดเก็บสารเคมีให้ตรงตามคุณสมบัติของสารเป็นวิธีสำคัญในการป้องกันอุบัติเหตุและรักษาคุณภาพของสาร พร้อมทั้งปกป้องทั้งผู้ปฏิบัติงานและสิ่งแวดล้อม การแยกประเภทสาร การใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม การควบคุมสภาพแวดล้อม และการจัดเตรียมแผนฉุกเฉินเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ต้องดำเนินการเพื่อความปลอดภัย

สำหรับระบบตรวจสอบสภาพการณ์ (ESS) ของ Jorpor Plus นั้น ช่วยส่งเสริมความปลอดภัยในการทำงานโดยผู้ปฏิบัติงานสามารถตรวจสอบและรายงานสภาพแวดล้อมในพื้นที่ปฏิบัติงานที่มีความเสี่ยงได้ เช่น หากผู้ปฏิบัติงานพบการจัดเก็บสารเคมีในพื้นที่ไม่ปลอดภัย หรือพบพื้นที่ที่มีความเสี่ยงก่อให้เกิดอุบัติเหตุ ผู้ปฏิบัติงานสามารถรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวได้ในระบบ เพื่อให้จป หรือผู้จัดการได้รับทราบ และทำการควบคุมรวมถึงป้องกันสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ลดความเสี่ยงของอุบัติเหตุ และรักษาความปลอดภัยในสถานที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ Jorpor Plus พร้อมให้คำแนะนำและคำปรึกษาฟรี การันตีใครๆ ก็ใช้เป็น มีทดลองให้ใช้ฟรีแล้ว  กดคลิก ได้เลย

ให้คำปรึกษาฟรี!!!

คุณชัญญา เพชรมณีโชติ (แนน
chunya@factorium.tech
061-546961

คุณนรีพร ใสสม (ส้มโอ
Nareeporn@factorium.tech
065-9647198

Website: https://www.jorporplus.com/
Facebook: https://www.facebook.com/JorPorPlus
Line Official : https://lin.ee/dOulra8
Youtube: https://www.youtube.com/playlist?list=PL0b92T8M8rKX1jrpbfpBgozl6Dk3y-nu8